MENA ยักษ์ใหญ่ด้านบริการขนส่งคอนกรีตสำเร็จรูป และรถเทรลเลอร์ เปิดผลประกอบการไตรมาส 3/65 มีรายได้ 186 ล้านบาท โตขึ้น 58% กำไรสุทธิ 11 ล้านบาท สะท้อนอุตสาหกรรมก่อสร้างกลับมาฟื้นตัว หนุนความต้องการคอนกรีตผสมเสร็จยังสูง พร้อมปัจจัยบวกจากอัตราค่าขนส่งเพิ่มขึ้น มั่นใจจากกลยุทธ์การขยายฟลีทรถ และขยายฐานลูกค้า สร้างการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมรองรับการให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันมีรถให้บริการอยู่ที่ 728 คัน
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดชประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยผลประกอบการของไตรมาส 3 ปี 2565 ที่แม้จะอยู่ในช่วงของฤดูฝน ที่ความต้องการใช้คอนกรีตและปูนซีเมนต์ลดลง เนื่องจากการชะลอการก่อสร้างในระหว่างที่ฝนตก แต่ MENA ยังสามารถบริหารจัดการได้ดี ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ทำตลาดเชิงรุก ขยายการให้บริการไปสู่การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเฉพาะทาง และสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ทำให้รายได้ฟื้นตัวและสามารถทำกำไรได้ตามแผนที่ตั้งไว้ โตขึ้นทุกกลุ่มธุรกิจจากการให้บริการ โดยมีรายได้รวมจากการให้บริการและการขายอยู่ที่ 185.7 ล้านบาท โตขึ้น 58% โดยแบ่งเป็น ค่าบริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จ จากรถ Mixer ซึ่งเป็นรถที่ขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จให้แก่ลูกค้า และรายได้ค่าบริหารจัดการรถร่วม ที่ประจำแต่ละโรงผลิตคอนกรีตผสมเสร็จของลูกค้า อยู่ที่ 115.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.7 ล้านบาท คิดเป็น 43% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากในปี 2564 มีการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างของรัฐบาลทำให้ความต้องการของการใช้คอนกรีตและซีเมนต์ลดลง ทำให้ในปี 2565 มีการเร่งกำลังก่อสร้างที่มากขึ้น บวกกับอัตราค่าขนส่งเพิ่มขึ้นตามระดับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
ในส่วนของรายได้จากการให้บริการขนส่ง ที่ประกอบด้วยรถ Trailer มีลักษณะเป็นหัวลากเปลี่ยนหางได้ตามลักษณะการใช้งาน รถขนส่งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค รถขนส่งสินค้าเฉพาะทาง รถขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ และรายได้ค่าบริหารจัดการรถร่วม อยู่ที่จำนวน 64.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.1 ล้านบาท คิดเป็น 104% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการขยายฟลีทรถรุกตลาดเปิดการให้บริการใหม่ที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมถึงอัตราค่าขนส่งที่ส่งผลเป็นปัจจัยบวก และมีรายได้จากการขายคอนกรีต ขี้เถ้าลอย(Fly Ash) และวัสดุก่อสร้างต่างๆ อยู่ที่ 5.4 ล้านบาท
ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้น อยู่ที่ 26.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9 ล้านบาท คิดเป็น 134% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ จำนวน 11.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 13.2 ล้านบาท
ด้านผลประกอบการ 9 เดือน มีรายได้รวม 509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97.2 ล้านบาท คิดเป็น 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3 ล้านบาท คิดเป็น 26% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 31.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5 ล้านบาท คิดเป็น 57%
โดยปัจจุบันจากการเพิ่มปริมาณรถ มิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รวมถึงการบุกตลาดอื่นเพิ่มเติม ทำให้ล่าสุด MENA มีรถขนส่งจำนวน 728 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 472 คัน รถเทรลเลอร์ 68 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ 105 หาง รถบรรทุก 4-10 ล้อและรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิรวมอีก 83 คัน
“ภาพรวมอุตสาหกรรมเริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา งานโครงการต่างๆ กลับมาเดินหน้า ส่งผลให้ความต้องการด้านบริการขนส่งมีดีมานด์เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน โดย MENA ได้วางแผนรองรับไว้ตั้งแต่ต้นปี ทั้งการเพิ่มปริมาณรถ และการขยายฟลีทการให้บริการ ทำให้สามารถรับงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างการเติบโตของรายได้และการให้บริการอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาส 3 ปีนี้ และมองว่าแนวโน้มโค้งสุดท้ายของปีความต้องการใช้คอนกรีตผสมเสร็จยังคงอยู่ในปริมาณที่สูงอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ฐานลูกค้าที่เราได้ขยายไปยังอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาส เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสนับสนุน MENA ให้เติบโตในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง” นางสุวรรณากล่าวปิดท้าย